SPRINKLER SYSTEM
วางระบบ และติดตั้งสปริงเกอร์อัตโนมัติ พร้อมจำหน่ายอุปกรณ์สปริงเกอร์
ระบบสปริงเกอร์สำหรับที่พักอาศัย
บ้านพักอาศัยส่วนใหญ่จะมีเนื้อที่อยู่ที่ประมาณ 50-400 ตารางวา โดยส่วนใหญ่ใช้ปั๊มน้ำขนาด 1-2 Hp และนิยมใช้หัวสปริงเกอร์ประเภท Pop-up Spray ที่มีรัศมีอยู่ที่ประมาณ 2-5 เมตร
สำหรับพื้นที่ที่เป็นสนามหญ้า และหัวมินิสปริงเกอร์ใช้เสริมตามไม้พุ่มและโคนต้นไม้ใหญ่ ควรมีแท็งก์สำรองน้ำตั้งแต่ขนาด 1,000-2,000 ลิตร โดยแยกการทำงานของหัวสปริงเกอร์แต่ละชนิดเป็นโซนๆ ซึ่งโดยปกติในตู้ Controller จะแบ่งแยกได้ตั้งแต่ 4-8 โซน
ซึ่งจะเพียงพอสำหรับบ้านพักอาศัยขนาดเล็กถึงใหญ่อยู่แล้ว และสามารถควบคุมเวลาเปิดและปิดโดยอัตโนมัติภายใน 1 วัน สามารถตั้งเวลารดน้ำได้สูงสุดถึง 8 รอบต่อวัน
การทำงานของระบบสปริงเกอร์แต่ละโซน จะใช้น้ำต่อ 1 รอบประมาณ 80-250 ลิตร/นาที ใน 1 วันควรเปิดระบบการทำงาน 1-2 รอบ ในกรณีหน้าฝนถ้าเราติดตั้งตัว Rain Sensor จะสามารถควบคุม
ให้ปิดการทำงานในขณะที่ฝนตกได้ เราจึงสามารถควบคุมการรดน้ำได้ทั้งหมด ทำให้ประหยัดและเพิ่มความสะดวกให้กับเจ้าของบ้านที่ไม่มีเวลารดน้ำต้นไม้
จัดสวน บ่อปลา บ่อปลาคราฟ
ระบบสปริงเกอร์สำหรับสวนสาธารณะ
สวนสาธารณะส่วนใหญ่จะมีเนื้อที่ประมาณ 1-50 ไร่ขึ้นไป เราจึงต้องเลือกใช้ปั๊มน้ำที่มีขนาดใหญ่ตั้งแต่ 10-30 Hp การส่งน้ำไปแต่ละจุดนั้นมีระยะค่อนข้างไกล ต้องใช้ถังแรงดัน Pressure Tank ควบคุมแรงดัน
เพื่อให้แรงดันในท่อคงที่ไปจนถึงจุดที่ไกลที่สุดควรมีห้องเครื่องสำหรับติดตั้งอุปกรณ์ เพราะอุปกรณ์ต่างๆมีขนาดค่อนข้างใหญ่และมีราคาค่อนข้างสูง หัวสปริงเกอร์ที่เหมาะสมสำหรับสวนสาธารณะเป็นหัวสปริงเกอร์ประเภ ท Pop-up Rotor และ Pop-up Impact ที่มีระยะการยิงของน้ำค่อนข้างไกลตั้งแต่ 10-22 เมตร
ควรมีแท็งก์ที่สำรองน้ำ 10,000-50,000 ลิตร (ตามขนาดของสวน) โดยแยกการทำงานของหัวสปริงเกอร์เป็นโซนๆควบคุมการเปิดและปิดด้วยวาล์วไฟฟ้า (โซลินอยวาล์ว) ซึ่งโดยปกติใน Controller ที่ใช้ในสวนสาธารณะจะแบ่งโซนการทำงานตั้งแต่ 16-48 โซนขึ้นไป
การทำงานของแต่ละโซนใช้น้ำต่อรอบ 500-750 ลิตร/นาที และสามารถควบคุมเวลาเปิดและปิดอัตโนมัติ ภายใน 1 วันสามารถตั้งเวลารดน้ำได้สูงสุด 8 รอบ/วัน
สามารถควบคุมให้ปิดการทำงานโดยอัตโนมัติ ในกรณีที่ฝนตกด้วยตัว Rain Sensor หรือตัววัดความชื้นในดิน
ระบบสปริงเกอร์สำหรับสนามฟุตบอล
แบ่งออกเป็น 2 ระบบ
ระบบที่ 1 ระบบหัวฉีด Big Gun จะมีรัศมีการยิงน้ำของหัวอยู่ที่ 43-58 เมตร เนื่องด้วยในระบบนี้จะไม่มีหัวสปริงเกอร์ภายในสนามเลย ถ้าในสนามฟุตบอลขนาดมาตรฐานจะติดตั้งจุดฉีดน้ำที่มุมและกลางสนามเท่านั้น
จะติดตั้ง Quick Coulping Valve ที่จุดฉีดน้ำแต่ละจุด เมื่อจะทำการรดน้ำจึงนำหัว Big Gun ประกอบเข้ากับตัว Quick Coulping Valve ระบบถึงจะเริ่มทำงาน ปั๊มน้ำต้องเป็นระบบ Booster Pump (ทำงานเมื่อสูญเสียแรงดัน) ในกรณีนี้เมื่อนำหัว Big Gun เสียบเข้ากับ Quick Coulping Valve จะเกิดการสูญเสียแรงดัน ทำให้ปั๊มทำงา นอัตโนมัติ
ระบบ Booster Pump ในสนามฟุตบาลต้องมีขนาดของปั๊ม 25-30 Hp ถึงจะมีแรงดันเพียงพอในการส่งน้ำออกจากหัว Big Gun ตามสเปคของหัวใน 1 สนาม จะใช้หัว Big Gun เพียงตัวเดียว ย้ายไปตามจุดส่งน้ำที่เราฝัง Quick Coulping Valve ไว้ ปริมาณที่ถูกฉีดออกจากหัว Big Gun 438-1,170 ลิตร/นาที (แล้วแต่ขนาดของหัว) ควรมีแท็งก์สำรองน้ำ 40,000 ลิตรขึ้นไป
ระบบหัว Big Gun Nelson คือระบบที่สนามฟุตบอลขนาดมาตรฐานที่ทั่วโลกให้การยอมรับ
ในสนามขนาดมาตรฐานจะติดตั้งประมาณ 20 หัว ควบคุมการทำงานโดยการแบ่งโซน ปั๊มน้ำควรมีขนาด 15-20 Hp การส่งน้ำไปแต่ละโซนมีระยะค่อนข้างไกลต้องใช้ถัง Pressure ควบคุมแรงดันเพื่อให้แรงดันคงที่ไปจนถึงจุดที่ไกลที่สุด ควรมีแท็งก์สำรองน้ำ 20,000-30,000 ลิตร
ระบบที่ 2 ระบบหัวฉีด Rotor Gear Drive ระบบนี้เป็นระบบที่ฝังหัวสปริงเกอร์ทั้งหมดในสนาม ประเภทของหัวสปริงเกอร์ที่นิยมใช้คือ Pop-up Rotor ที่มีรัศมีการยิงน้ำอยู่ที่ 22.6 เมตร มีลักษณะหัวด้านบนเป็นยาง สามารถเหยียบและรับแรงกระแทกได้ดี
ระบบสปริงเกอร์สำหรับเกษตรกรรม
เนื้อที่ขนาดเล็กถึงใหญ่สามารถเลือกใช้หัวสปริงเกอร์ได้หลากหลาย เลือกให้เหมาะสมสำหรับการปลูกพืชแต่ละชนิด เช่น
1. พืชไร่ นิยมใช้หัวสปริงเกอร์ประเภท Biggun / Rotor
เพราะพืชไร่ส่วนใหญ่มีขนาดค่อนข้างกว้าง ต้องใช้หัวส่งน้ำที่ยิงได้ระยะไกล และสามารถส่งน้ำได้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด ควรเลือกใช้หัวให้เหมาะสมตามขนาดของพื้นที่
หัวสปริงเกอร์มีตั้งแต่ขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ ระยะส่งน้ำตั้งแต่ 25-58 เมตร โดยประมาณ การติดตั้งระบบนี้ควรมีแหล่งน้ำตามธรรมชาติ
2. พืชสวน นิยมใช้ระบบน้ำหยด และมินิสปริงเกอร์
พืชสวนส่วนใหญ่มีขนาดค่อนข้างกว้างแต่ไม่ต้องรดน้ำให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด พืชสวนส่วนใหญ่เป็นไม้ยืนต้น ต้องการน้ำเพาะจุดบริเวณโคนต้นเท่านั้น
3. แปลงผัก ไม้ดอกไม้ประดับ ไฮโดรโปนิก และพืชในโรงเรือน นิยมใช้หัวสปริงเกอร์ประเภท Rotor ระบบน้ำหยด ระบบพ่นหมอก
พืชประเภทนี้มีใบค่อนข้างเปราะบาง อาจเกิดความเสียหายของใบถ้าหัวสปริงเกอร์มีแรงดันสูงและยิงน้ำแรงเกินไป จึงเลือกใช้หัวสปริงเกอร์ประเภทเป็นละอองน้ำหรือหัวน้ำหยดรดน้ำที่โคนของต้นเลย
ระบบเทอร์โบไอซ์ พ่นหมอก
ระบบนี้ต้องใช้ปั๊มพ่นหมอกแรงดันสูงต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นหัว สาย และตัวปั๊ม เพื่อเพิ่มความชื้นในอากาศ ลดอุณหภูมิ และใช้ในการตกแต่งภูมิทัศน์ให้สวยงาม ข้อดีของระบบนี้คือใช้น้ำปริมาณที่น้อยมากเพียง 3 ลิตร/นาที ทำ ให้สามารถต่อพ่วงจากก๊อกน้ำที่บ้านได้เลย ไม่ต้องมีแหล่งสำรองน้ำ
ระบบสปริงเกอร์สำหรับอุตสาหกรรม
ระบบสปริงเกอร์สำหรับอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่จะใช้ระบบ Biggun หน้าที่การทำงานแล้วแต่อุตสาหกรรมนั้นๆ ส่วนใหญ่ใช้เพิ่มความชื้นในตัวผลิตภัณฑ์หรือเพื่อใช้ลดฝุ่นละอองในอากาศ